ตามที่ได้อธิบายไปแล้วว่า ผู้เสียหายโดยนิตินัยเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการเป็นผู้เสียหายในทางกฎหมาย เพราะหากไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยแล้ว ย่อมไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และหากไม่เป็นผู้เสียหายแล้วย่อมมีผลทางกฎหมายหลายประการตามมา
คลิ๊กเพื่อดู ... หลักเกณฑ์สำคัญของการเป็นผู้เสียหาย
(ก)
ต้องมีส่วนร่วมกระทำความผิดด้วย ไม่ว่าจะเป็นกรณีกระทำความผิดด้วยกัน
ทั้งสองฝ่ายหรือร่วมกระทำความผิดในฐานะตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน
หรือได้กระทำความผิดโดยประมาทด้วย
เช่น
สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน (ฎีกาที่ ๗๐๐๓/๒๕๔๗)
ขับรถประมาทด้วยกันทั้งคู่ (ฎีกาที่ ๔๕๒๖/๒๕๔๖)
สมัครใจเข้าร่วมเล่นการพนันเพื่อโกงผู้อื่น (ฎีกาที่ ๔๓๖/๒๕๓๐ และ ๑๙๑๓/๒๕๔๖)
หากการขายโปรแกรมคอมพิวเตอร์เถื่อนเกิดจากการล่อซื้อโดยจำเลยไม่ได้ขายอยู่ก่อนแล้ว เข้าข่ายก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด โจทก์ไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย
(ฎีกาที่ ๔๓๐๑/๒๕๔๓) แต่หากจำเลยมีเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์อยู่แล้ว
การสุ่มซื้อโดยไม่ประสงค์จะได้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ของแท้เป็นการกระทำเพื่อ
แสวงหาพยานหลักฐานมาดำเนินคดีแก่ผู้ที่ทำละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ไม่ถือว่า
เป็นการจูงใจหรือก่อให้ฝ่ายจำเลยกระทำความผิดคดีนี้ขึ้นมา
โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย (ฎีกาที่ ๖๕๒๗/๒๕๔๕)
(ข) ยินยอมให้มีการกระทำความผิด
ผู้กู้ยืมเงินยินยอมให้ผู้ให้กู้เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
ผู้กู้ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.
๒๔๗๕ (ฎีกาที่ ๑๒๘๑/๒๕๐๓) แต่หากการกระทำของจำเลยเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนด้วย
โดยโจทก์มิได้มีส่วนร่วมกระทำความผิดกับจำเลยอันจะทำให้โจทก์ไม่เป็นผู้เสีย
หายโดยนิตินัยโจทก์เป็นผู้เสียหายในข้อหาฉ้อโกง (ฎีกาที่ ๖๘๖๙/๒๕๔๑)
(ค)
การกระทำที่มีวัตถุประสงค์ฝ่าฝืนกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
การที่ผู้เสียหายตกลงจะซื้อธนบัตรปลอมจากจำเลย
แม้จะเป็นโดยจำเลยใช้อุบายหลอกลวงอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงก็ตาม
ก็เป็นความตกลงที่มีวัตถุประสงค์จะกระทำผิดกฎหมาย
มิได้เป็นไปโดยสุจริตจะถือว่าตนเป็นผู้เสียหายโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ (ฎีกาที่ ๗๗๑/๒๔๙๓)
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๔๓/๒๕๔๙
จำเลยทั้งสองกับพวกและผู้เสียหายได้ให้หมอไสยศาสตร์ทำพิธีปลุกเสกเหรียญรัชการที่ ๕ เพื่อให้ได้สลากกินรวบจนปรากฏเป็นเลข ๒ ตัว ซึ่งอ้างว่าเป็นเลขท้าย ๒ ตัวของสลากกินแบ่งรัฐบาล ต่อมาจำเลยทั้งสองกับพวกขับรถยนต์กระบะมารับผู้เสียหายไปซื้อหวยใต้ดิน (สลากกินรวบ) ที่อำเภอสวี จังหวัดชุมพร เพราะเจ้ามือหวยใต้ดินในอำเภอดังกล่าวกำลังดวงไม่ดี เมื่อเดินทางถึงหลังโรงพยาบาลชุมพร ผู้เสียหายมอบเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ให้จำเลยที่ ๒ ไปซื้อหวยใต้ดินตามที่หมอไสยศาสตร์บอก หลังจากนั้นจำเลยที่ ๒ กับพวกก็หลบหนีไป พฤติการณ์ของผู้เสียหายดังกล่าวเป็นการร่วมกับจำเลยทั้งสองกับพวกเล่นการพนัน สลากกินรวบอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมีโทษทางอาญา ผู้เสียหายในคดีนี้จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ที่จะมีสิทธิร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองในความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ พนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้ และพนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องในความผิดดังกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น