ความสำคัญของการเป็น
“ผู้เสียหาย”
ผู้เสียหาย คือ บุคคลที่กฎหมายให้สิทธิหรืออำนาจในการดำเนินคดี
-
การร้องทุกข์ มาตรา ๒ (๗) และ การถอนคำร้องทุกข์ มาตรา ๑๒๖
ข้อสังเกต
-
การเป็นโจทก์ฟ้องคดี มาตรา ๒๘ (๒) และการถอนฟ้อง มาตรา ๓๕
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604 - 1605/2512 โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยที่
1 ที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 3 กระทำความผิดรวม 4
กระทงคือความผิดต่อร่างกายความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
ความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม และความผิดต่อเสรีภาพ
โดยเฉพาะข้อหาว่าจำเลยร่วมกันกระทำความผิดต่อร่างกายนั้นปรากฏว่าเป็นข้อหาเดียวกับที่พนักงานอัยการได้ฟ้องจำเลยที่
3 ในคดีนี้หาว่าทำร้ายร่างกายโจทก์ไว้ในสำนวนคดีอื่นซึ่งโจทก์ในคดีนี้ได้เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ
คดีนั้นถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า
โจทก์ในคดีนี้มิใช่ผู้เสียหายเพราะเป็นกรณีต่างวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน
โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องหรือเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นคำพิพากษาในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2
จะมิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว ก็ย่อมได้รับผลนี้ด้วย ฉะนั้น
โจทก์จะมาฟ้องหาว่าจำเลยที่
1 ที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 3
กระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ในมูลคดีเดียวกับคดีที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 3 แล้วหาได้ไม่ ส่วนความผิดข้ออื่นๆ
โจทก์ยังเป็นผู้เสียหาย และมีอำนาจฟ้องในความผิดนั้นๆ ได้
-
การเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ มาตรา ๓๐
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
864/2512 จำเลยยืมเงินโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมเอาเงินของห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งโจทก์ร่วมเป็นผู้จัดการให้จำเลยยืม
จำเลยจึงออกเช็คให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไว้เพื่อชำระหนี้
โจทก์ร่วมได้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์ร่วมเพื่อเรียกเก็บเงินแต่นำเช็คเข้าบัญชีไม่ได้
ดังนี้ ถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นไม่ได้สลักหลังเช็คให้โจทก์ร่วมและยังเป็นผู้ทรงเช็คอยู่
ไม่ใช่โจทก์ร่วมเป็นผู้ทรงห้างหุ้นส่วนจำกัด นั้นจึงเป็นผู้เสียหาย
มีสิทธิร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับจำเลย และเมื่อโจทก์ร่วมในฐานะส่วนตัวไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค
จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิจะเข้าเป็นโจทก์ร่วม
-
การเป็นโจทก์ร่วมฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา มาตรา ๔๐
-
การอุทธรณ์ ฎีกา มาตรา ๑๙๓ และ ๒๑๖ และการถอนอุทธรณ์ ฎีกา มาตรา ๒๐๒ และ ๒๐๒
ประกอบ ๒๑๕
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
1821 - 1822/2514 ความผิดฐานทำร้ายร่างกายซึ่งศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยทุกคนสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกันนั้น
แม้จำเลยเพียงบางคนเท่านั้นอุทธรณ์ แต่ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่มิได้อุทธรณ์กระทำโดยป้องกันอันเป็นเหตุยกเว้นความผิด
ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยไปถึงจำเลยที่มิได้อุทธรณ์นั้น
แล้วยกฟ้องโจทก์เฉพาะตัว จำเลยที่มิได้อุทธรณ์นั้นได้ โดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา
195 ไม่ใช่เหตุลักษณะคดีตามมาตรา 213 จำเลยผู้ร่วมกระทำผิดย่อมไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายย่อมไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น