การเป็นผู้เสียหาย การร้องทุกข์ การสอบสวน และ การฟ้องคดีของพนักงานอัยการ นั้น
มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
๑.
การฟ้องคดีของพนักงานอัยการ
มาตรา
๑๒๐ บัญญัติว่า “ห้ามมิให้พนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีใดต่อศาล
โดยมิได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นก่อน”
๒.
การสอบสวน
มาตรา
๑๒๑ วรรคสอง บัญญัติว่า “แต่ถ้าเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว
ห้ามมิให้ทำการสอบสวนเว้นแต่จะมีคำร้องทุกข์ตามระเบียบ”
๓.
ผู้เสียหาย และ การร้องทุกข์
มาตรา ๒ (๔) “ผู้เสียหาย” หมายความถึงบุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง
รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้ ดั่งบัญญัติไว้ในมาตรา ๔, ๕ และ ๖
มาตรา ๒ (๗) “คำร้องทุกข์” หมายความถึงการที่ผู้เสียหายได้กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้
ว่ามีผู้กระทำความผิดขึ้น
จะรู้ตัวผู้กระทำความผิดหรือไม่ก็ตามซึ่งกระทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย
และการกล่าวหาเช่นนั้นได้กล่าวโดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษ
ดังนั้น ในคดีความผิดต่อส่วนตัว หากการร้องทุกข์ไม่ได้กระทำลงโดยผู้เสียหายย่อมมีผลทำให้การร้องทุกข์นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เท่ากับว่าไม่มีคำร้องทุกข์ และย่อมส่งผลทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน
ตามมาตรา ๑๒๑ วรรคสอง การสอบสวนที่กระทำลงย่อมไม่ชอบด้วยกฎหมาย และย่อมส่งผลทำให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้องมาตรา
๑๒๐ ไปด้วย
ในทางกลับกัน หากเป็นคดีความผิดต่อแผ่นดิน
คำร้องทุกข์จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ดังนั้น คำร้องทุกข์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ส่งผลต่ออำนาจสอบสวนของพนักงานสอบสวน และ อำนาจฟ้องของพนักงานอัยการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2529
อ. เป็นพนักงานของธนาคารทำหน้าที่แทนธนาคารจ่ายเงินให้จำเลยไป เงินที่ อ. จ่ายไปเป็นเงินของธนาคารไม่ใช่เงินของ อ. แต่ธนาคารต่างหากที่เป็นผู้เสียหาย
การที่ อ. ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องจ่ายเงินผิดพลาดไปและนำเงินส่วนตัวมาเข้าบัญชีที่จ่ายผิดไปเป็นความรับผิดชอบระหว่าง อ. กับธนาคาร หาทำให้ อ. เป็นผู้เสียหายที่จะมีอำนาจร้องทุกข์แก่เจ้าพนักงานไม่
การที่ อ. ร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีฐานยักยอกแก่จำเลยจึงไม่เป็นการร้องทุกข์มอบคดีโดยผู้เสียหายตามระเบียบพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น